วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ตำนานกรีกของคิวปิดกับไซคี


 ตำนานกรีกของคิวปิดกับไซคี

เรื่องของเรื่องคือว่า ไซคี Psyche ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามที่สุดในหมู่มวลมนุษย์ และคำร่ำลือได้ขจรขจายไปทั่ว ผู้คนต่างมุ่งหน้ามากรีก เพื่อชมความงามของไซคี จนถึงขนาดยกย่องให้เป็นเทพธิดาลงมาเกิดเลยทีเดียว ต่างพูดถึงแต่ความงามของนางกระทั่งหลงลืมบูชา บวงสรวง อะโฟรไดต์หรือ วีนัส เทพีแห่งความงามตัวจริง ปล่อยให้วิหารทั้งหลายที่มีรูปปั้นของนาง ต้องรกร้าง จนเจ้าแม่แกพิโรธ แหงล่ะ.. ผู้หญิง ไม่ว่าเทวดาหรือมนุษย์ ห้ามมาแข่งเรื่องความสวยความงามกันเด็ดขาด เมื่อได้ยินว่ามีหญิงสาวที่งามกว่าตน ป้าวีนัสก็ร้อนรน ริษยาว่า แม่นี่เป็นเพียงมนุษย์ จะมาสวยกว่าเทพีอย่างพระนางได้ยังไง ว่าแล้วก็วางแผนร้าย  สั่งให้ลูกของตน คือ คิวปิด ไปยิงศรกามเทพ ให้นางไซคี ไปหลงรักกับชายที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก 
ด้วยความที่ คิวปิด แม้จะเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วก็ตาม แต่ยังเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทของแม่ สั่งอะไรก็ทำ จึงลงไปยังโลกมนุษย์ ขณะนั้น ไซคีกำลังหลับอยู่ คิวปิดย่องเข้าไป… เอาปลายลูกศรสัมผัสไซคีอย่างแผ่วเบา ไซคีสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้คิวปิดตกใจ ซุ่มซ่ามถูกปลายลูกศรตนเอง จึงรีบบินหนีไป โดยที่ไซคีเห็นพระองค์ไม่ถนัดตา ....ศรรักทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ คิวปิดหลงรักไซคี และไซคีหลงรักคิวปิด แต่นางไม่รู้ว่าบุคคลที่นางหลงรักเป็นใคร หน้าตาอย่างไร 
จนกระทั่งพี่สาวทั้งสองอภิเษกออกเรือนไปแล้ว นางก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับชายใดเสียที ที่สำคัญ ไม่มีชายใดกล้าสู่ขอนาง ทำให้พระราชากลุ้มใจมาก จึงไปบวงสรวง บูชาเทพพยากรณ์ ซึ่งเทพพยากรณ์ก็ได้ทำนายว่า เนื้อคู่ของนางเป็นอมนุษย์ และแนะนำให้นำนางไปปล่อยที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง
ขณะที่ไซคีกำลังร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่บนยอดเขาแห่งนั้น เซฟเฟอรัส ZEPHYRUS เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตก ก็พัดมา และโอบอุ้มนางลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง 
หลังจากไซคีเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือ วิมานที่สวยสดงดงาม เสาและบานประตูทำด้วยทองคำ อาณาบริเวณเต็มไปด้วยดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวน ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียง “ยินดีต้อนรับสู่วิมาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็น จะเป็นสมบัติของเจ้า เจ้าปรารถนาสิ่งใดก็จะสมปรารถนา” แต่ไซคีมองไม่เห็นเจ้าของเสียงเลย(แน่ล่ะ!เจ้าของเสียงนั้น คือคิวปิดนั้นเอง แต่ที่ต้องปิดบังไซคี เพราะเกรงจะรู้ถึงหูวีนัส ว่าคิวปิดไม่ได้ทำตามเพราะประสงค์ของนาง)ตั้งแต่นั้นมา ไซคีก็อยู่ในวิมานแห่งนั้นอย่างมีความสุข โดยเจ้าของเสียงลึกลับจะมาหานางทุกค่ำคืน
จนกระทั่งวันหนึ่ง นางได้ยินเสียงพี่สาวทั้งสองที่คิดว่าน้องตนเองตกลงไปในหุบเขา มาตะโกนโหวกเหวกอยู่บนยอดเขาก็ดีใจ คืนนั้นนางจึงขออนุญาตเจ้าของเสียงลึกลับ ให้พี่สาวนางลงมาเยี่ยม ซึ่ง
ก็ได้รับอนุญาต


เช้าวันรุ่งขึ้น เซฟเฟอรัสจึงได้พาพี่สาวทั้งสองของไซคีลงมายังวิมานพอพี่สาวทั้งสองเห็นน้องมีความสุขอยู่ในวิมานอันงดงาม ก็เกิดริษยา ยุแยงตะแคงรั่วว่า เจ้าของเสียงลึกลับเป็นปิศาจบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็น:)ร้ายจึงไม่กล้าปรากฏตัว และออกอุบายให้ไซคีจุดตะเกียงดูให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย
คืนนั้น หลังจากพี่สาวทั้งสองกลับขึ้นไปแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับก็มาตามเคย กลางดึกหลังจากเจ้าของเสียงลึกลับหลับไป ไซคีก็จุดตะเกียงน้ำมัน และไปส่องหน้าดู ปรากฏว่าเป็นคิวปิด เทพเจ้ารูปหล่อนั่นเอง
ไซคีถึงกับตกตะลึง และเผลอทำน้ำมันร้อนจากตะเกียงหยดถูกหัวไหล่คิวปิด  คิวปิดตื่นขึ้นมา เสียใจมา จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ความรักมิอาจอยู่ร่วมกับความหวาดระแวง” แล้วก็บินจากไปอย่างเศร้าสร้อย
ไซคีเสียใจร้องไห้จนสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่า นางกลับขึ้นมาอยู่ที่ยอดเขาแห่งเดิม นางเที่ยวตามหาคิวปิดไปทั่ว แต่ก็ไม่พบร่องรอย หรือข่าวคราวใดๆเลย
พี่สาวทั้งสอง เมื่อรู้ว่าไซคีถูกไล่กลับมาแล้วก็ดีใจ คิดครอบครองวิมานแทน จึงวิ่งไปที่ยอดเขาแห่งนั้น และตะโกนเรียกเซฟเฟอรัส พอมีลมพัดมาก็กระโดดลงไป คอหักตาย
ฝ่ายไซคี ผู้มีรักแท้ ตามหาคิวปิดกระเซอะกระเซิงมาถึงวิหารบูชาของเทพีแห่งการเกษตร ซีรีส CERUS(ชื่อโรมัน ดิมิเทอร์ DEMITER พี่สาวของซูส จอมเทพ) นางเห็นเมล็ดข้าวฟ่าง ฟาง พันธุ์พืชต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่ว จึงเก็บข้าวของเหล่านั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และบวงสรวงเทพีซีรีส
เทพีซีรีสเห็นดังนั้นก็พอใจมาก จึงพานางไปหาวีนัสเพื่อให้นางขอโทษ และปรนนิบัติรับใช้ วีนัสเกรงใจซีรีส จึงยอมยกโทษให้ แต่ก็แกล้งใช้ไซคี ให้นางคัดแยกเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งกองรวมกันอยู่มากมายให้เสร็จภายในวันเดียว

คิวปิดรู้ดังนั้นจึงให้มดมาช่วย รุ่งเช้าวีนัสมาตรวจ ก็รู้ว่าจะต้องมีใครมาช่วย จึงแกล้งต่อ โดยให้ไปนำขนแกะจากฝูงแกะอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำมาให้
ฝูงแกะนั้นดุร้ายมาก แต่ต้นอ้อริมแม่น้ำก็ได้แนะนำไซคี ให้ไปตัดขนแกะหลังเที่ยง ซึ่งเวลานั้น แกะจะง่วง และพักผ่อนนอนหลับ
เมื่อไซคีนำขนแกะมาให้ วีนัสก็ยังไม่พอใจ มอบงานใหม่ให้ทันที คราวนี้ให้นางไปนรก (เอรีบัส EREBUS) เพื่อไปขอมนต์ความงามจาก เพอร์เซโฟนี PERSEPHONE ….555 ชื่อล็อกอินข้าพเจ้าเอง ทีนี่ก็รู้ที่มาชื่อข้าพเจ้ากันแล้วซิ ...อิอิ (ชื่อโรมัน พรอสเซอร์พินา PROSERPINA) มเหสีแห่ง เฮดีส HEDES (พลูโต PLUTO อนุชาแห่งซูส จอมเทพ)ลงนรก... ก็ตายนะสิ ไหนจะต้องผ่านเซอร์บิรัส CERBERUS สุนัข 3 หัว ที่เฝ้าปากทางอีก (ใครอ่านแฮรี่ พอตเตอร์ คงจะรู้จักเจ้าตัวนี้เป็นอย่างดี) ไซคีก็คิดเช่นนั้น หนทางสู่ยมโลกคือความตาย นางจึงขึ้นไปบนหอคอย แล้วจะกระโดดลงมา ก่อนที่จะกระโดด หอคอยได้พูดกับนาง และแนะนำให้นางเดินทางไปทางทิศตะวันตก จนถึงโขดหินสีดำ จะมีถ้ำซ่อนอยู่ ให้เข้าไปในนั้น โดยนำขนมไป 2 ก้อน และอมเหรียญไว้ 2 อัน เมื่อเจอเซอร์บิรัส ก็โยนขนมให้ 1 ก้อน 
จากนั้นเมื่อมาถึงแม่น้ำสตีก STYX จะพบกับแครอน CHARON คายเหรียญในปากให้ 1 เหรียญ (แครอนเป็นคนรับจ้างแจวเรือ รับคนตายข้ามแม่น้ำสตีกสู่ยมโลก โดยค่าจ้างข้ามฟากได้แก่ เหรียญในปากศพ) เมื่อพบ เพอร์เซโฟนี ขอมนต์แห่งความงามแล้ว ขากลับก็ให้เหรียญ และขนมที่เหลือแก่ แครอน และเซอร์บิรัส จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ห้ามเปิดโถที่บรรจุมนต์อย่างเด็ดขาด
ไซคีทำตามทุกขั้นตอน ยกเว้นประการสุดท้าย นางกลับมายังโลกมนุษย์ได้แล้ว แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากสวยงาม (ประสาผู้หญิง) จึงแอบเปิดโถนั้นดูกลางทาง ไม่พบโมราแต่อย่างใด พบแต่ความง่วงแห่งความตาย นางล้มลงหลับทันที
คิวปิดคอยนางอยู่นาน ไม่เห็นกลับมา จึงออกตามหาจนพบ และเก็บความง่วงแห่งความตายเข้าไว้ในโถอย่างเดิม ไซคีก็ฟื้นขึ้นมา 

คิวปิดรู้ดีว่า วีนัสจะต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งไซคีอีก จึงรีบไปหาซูส ZEUS (จูปิเตอร์ JUPETER) เพื่ออ้อนวอนให้พระองค์เกลี้ยกล่อม วีนัส ซึ่งซูสก็กรุณาทำให้ และยังให้ เฮอร์มีส HERMES (เมอร์คิวรี่ MERCURY ดาวพุธ เทพเจ้าแห่งการสื่อสาร) ไปรับนางมายังวิมานเทือกเขาโอลิมปัส OLYMPUS ประทานน้ำอมฤตให้ดื่ม เพื่อเป็นอมตะ 
และทั้งคู่ก็อยู่่ด้วยกันตลอดมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น